กรณี 6 โจ๋ พวกเยอะอย่านึกว่าแน่ !!

ขอบคุณภาพจาก ข่าวสด

เป็นข่าวครึกโครมและสะเทือนขวัญอย่างยิ่งกรณี 6 โจ๋ บุกไปบ้านคู่อริและถูกคู่อริแทงตาย 2 ศพ สาหัส 1 คน จากกรณีดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองนี้ไม่มีขื่อไม่มีแป อยู่ในบ้านของตนเองแท้ๆ ยังไม่ปลอดภัย สมควรที่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองควรจะคิดหาวิธีป้องกันและป้องปรามไม่ให้เกิดขึ้นอีก
จากกรณีนี้มีคำถามและมีข้อสงสัยว่าการกระทำที่เกิดขึ้นแต่ละฝ่ายเกี่ยวข้องกับกฎหมายในเรื่องใดบ้าง การที่โจ๋จำนวน 6 คน ไปที่หน้าบ้านของคู่อริและมีการตะโกนเรียกให้คู่อริออกมาจากบ้านจะด้วยสาเหตุให้ออกมาเพื่อเคลียร์ปัญหาหรือออกมาเพื่อท้าตีท้าต่อยรวมทั้งการที่ขว้างปาสิ่งของเข้าไปในบ้านของคู่อริดังกล่าวถือว่าการกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นเป็นการข่มขู่ทำให้เกิดความกลัวโดยใช้กำลังประทุษร้ายแล้วยังเป็นการ ข่มเหงอย่างแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และการขว้างปาสิ่งของเข้าไปในบ้านถือเป็นการรบกวนการครอบครองโดยปกติสุขของเจ้าของบ้านเป็นการกระทำความผิดฐานบุกรุกและการที่ไปด่าทอและเรียกให้คู่กรณีออกมาถือว่ามีเจตนาจงใจที่จะสมัครใจทะเลาะวิวาท จะเห็นได้ว่าการกระทำของฝ่ายโจ๋ทั้ง 6 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทหรือที่เข้าใจกันง่ายๆ ว่าการกระทำครั้งเดียวผิดกฎหมายหลายเรื่องซึ่งโดยหลักต้องลงโทษจำคุกในมาตราที่มีโทษหนักที่สุด


สรุป 6 โจ๋ น่าจะโดนข้อกล่าวหา ร่วมกันข่มขู่ให้ตกใจกลัว, ร่วมกันบุกรุก,ร่วมกันทำร้ายร่างกาย
ส่วนคู่อริคู่อริที่อยู่ในบ้านนั้นหากข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติตามเนื้อข่าวว่าได้ใช้ผ้ามัดมีดผูกติดกับมือวิ่งออกมาจากบ้านและเข้าทำร้ายกลุ่มโจ๋ 6 คน ตาย 2 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน การที่วิ่งออกไปดังกล่าวเป็นการสมัครใจเข้าทะเลาะวิวาทและการใช้มีดทำร้ายผู้ตายและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ แม้จะไม่ได้เจาะจงว่าผู้ถูกทำร้ายที่ถึงแก่ความตายจะเป็นผู้หนึ่งผู้ใดใน 6 คนนั้นก็ตาม แต่การที่นำมีดสปาต้ายาวประมาณ 1 ฟุต ซึ่งเป็นอาวุธโดยสาภาพย่อมเล็งเห็นได้ว่า การใช้มีดสปาต้าทำร้ายผู้ตายและผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ย่อมเล็งเห็นได้ว่าผู้ที่ถูกทำร้ายด้วยมีดสปาต้าจะต้องถึงแต่ความตายอย่างแน่นอนซึ่งถือว่าเป็นเจตนาฆ่าผู้ที่ถึงแก่ความตาย และมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้ที่ได้รับอันตรายสาหัสและหากข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติว่าคู่อริในการที่ถือมีดออกไปทำร้ายโจ๋ 6 คน นั้น โดยใช้ผ้าผูกมีดติดกับมือจริงแล้วซึ่งมีเวลาเพียงพอที่จะคิดทบทวนไตร่ตรองและตกลงใจตามที่คิดทบทวนโดยมีเวลาในการหาผ้ามาผูกกับอาวุธมีดติดกับข้อมือ กระทำดังกล่าวจึงอาจจะถึงขั้นไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งมีโทษประหารชีวิตเพียงสถานเดียว และการที่คู่อริได้สมัครใจวิ่งออกจากบ้านพร้อมด้วยอาวุธมีดที่ผูกด้วยผ้าติดกับมือเป็นการสมัครใจเข้าร่วมทะเลาะวิวาทไม่อาจที่จะอ้างการป้องกันได้ แต่อาจจะอ้างบันดาลโทสะได้เนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นเหตุในการลดหย่อนผ่อนโทษ


สรุปคู่อริ ที่ใช้แทงมีดแทงกลุ่มโจ๋ 6 คน น่าจะโดนข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ เป็นเพียงความเห็นตามกฎหมายตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามข่าว ส่วนจะมีการดำเนินคดีในข้อหาใดบ้างและศาลจะพิพากษาลงโทษอย่างไร ก็คงต้องติดตามการตั้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนและความเห็นสั่งฟ้องของพักงานอัยการในการยื่นฟ้องต่อศาลต่อไป

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 392 ผู้ใดทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี


มาตรา 289 ผู้ใด (๔) ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ต้องระวางโทษ ประหารชีวิต


มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด

มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้

มาตรา 362 ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการ ครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไป กระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ของเขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับ ไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 365 ถ้าการกระทำความผิดตาม มาตรา 362 มาตรา 363 หรือ มาตรา 364 ได้กระทำ
(1) โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
(2) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคน ขึ้นไป หรือ …
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

คำพิพากษาฎีกาที่เทียบเคียง 3591/2560
มาตรา 289(4)
ข้อเท็จจริงจะต้องได้ความว่า ผู้กระทำผิดได้คิดวางแผนและไตร่ตรองทบทวนแล้วจึงตกลงใจกระทำความผิดไม่ใช่กระทำไปโดยปัจจุบันทันด่วน และการไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นเหตุเกี่ยวกับเจตนาส่วนตัวของผู้กระทำผิดซึ่งต้องดูการกระทำเป็นสำคัญเพราะกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

Facebook
Twitter
Email
WhatsApp