
โพสต์ภาพถ่ายเซลฟี่ที่ติดหน้าคนอื่น ผิดหรือไม่?
จากการที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ทำให้มีผลกระทบต่อการโพสต์ แชร์รูปภาพหรือคลิปวิดีโอในโซเชียลมีเดียพอสมควร โดยเฉพาะการโพสต์ภาพเซลฟี่ ซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อยเลยที่ถ่ายติดหน้าของคนอื่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงทำให้เกิดเป็นข้อสงสัยว่า การถ่ายเซลฟี่ติดหน้าของคนอื่นแล้วโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ผิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่
ประเด็นดังกล่าวมีข้อพิจารณาดังต่อไปนี้
จากพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 การใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ความยินยอม ถือเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ และหากเป็นการทำให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็ตาม ผู้กระทำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
กรณีตามข้อเท็จจริง แม้การโพสต์ภาพเซลฟี่ที่ติดหน้าของคนอื่นจนสามารถระบุตัวได้อย่างชัดเจนลงในโซเชียลมีเดีย จะเป็นการใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยหากไม่ได้ไปขอความยินยอมจากบุคคลนั้น ผู้กระทำก็มีความผิดตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แต่ถ้าการโพสต์ภาพนั้นลงไปไม่ได้ทำให้บุคคลที่ติดอยู่ในภาพได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนรำคาญจากการโพสต์ภาพนั้น ผู้กระทำก็ไม่มีความผิด จึงไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ในทางกลับกันหากปรากฏว่าการโพสต์ภาพนั้นทำให้ผู้ที่ติดอยู่ในภาพได้รับความเสียหาย เช่น อาจจะถ่ายติดตอนที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกำลังทำธุระส่วนตัว หรืออยู่ในท่าทางที่ไม่น่ามอง แม้ว่าจะกระทำโดยประมาทเลินเล่อ เช่น อาจจะไม่ดูให้ดีจึงไม่ได้เบลอภาพ ผู้โพสต์ภาพก็มีความผิด ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
มีประเด็นที่น่าพิจารณาเพิ่มเติมคือกฎหมายข้อมูลส่วนบบุคคลได้กำหนดให้ผู้ที่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความยินยอมและไม่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายที่จะใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องได้รับโทษทางอาญา และหากเป็นการกระทำไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น จะต้องระวางโทษหนักขึ้น แม้การโพสต์ภาพเซลฟี่ที่ติดหน้าของคนอื่นโดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากบุคคลนั้น และไม่ได้มีการเบลอหน้า ทั้งยังไม่เข้าข้อยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด แต่เมื่อไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ก็ถือว่าขาดเจตนาในการกระทำความผิด จึงขาดองค์ประกอบของความรับผิดทางอาญา ผู้กระทำจึงไม่ต้องรับโทษทางอาญา
สรุป ได้ว่าการโพสต์ภาพถ่ายเซลฟี่ที่ติดหน้าของคนอื่นโดยไม่ได้มีการเบลอหน้า ถ้าการโพสต์นั้นไม่ได้ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ก็ไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง ส่วนในเรื่องของโทษทางอาญา ถ้าไม่มีเจตนาที่จะทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายก็ไม่มีความผิดทางอาญาเช่นกัน
ท่านที่สนใจสามารถศึกษาหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ดังนี้
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562
มาตรา 27 วรรคหนึ่ง ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้น ไม่ต้องขอความยินยอมตามมาตรา 24 หรือมาตรา 26
มาตรา 77 วรรคหนึ่ง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งดำเนินการใด ๆเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าการดำเนินการนั้นจะเกิดจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อหรือไม่ก็ตาม เว้นแต่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะพิสูจน์ได้ว่า
(1) ความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือเกิดจากการกระทำหรือละเว้นการกระทำของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเอง
(2) เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย
มาตรา 79 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 27 วรรคหนึ่งหรือวรรคสอ
งหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 28 อันเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 26 โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 27 วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 28 อันเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 26 เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดตามมาตรานี้เป็นความผิดอันยอมความได้