ให้ทรัพย์สินหรือเงินเพื่อให้ยุกินฉันสามีภรรยาฟ้องเรียกคืนได้หรือไม่ ???

ให้เงินหรือทรัพย์สินในขณะที่เป็นแฟนกันเนื่องจากมีความรักความเสน่หาต่อกัน หรือทำสัญญาให้หญิงมาอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาโดยฝ่ายชายมีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาเลิกกัน ฝ่ายชายจะฟ้องร้องเรียกเงินหรือทรัพย์สินที่ไห้ไปคืน หรือฟ้องร้องบังคับตามสัญญาที่ให้ฝ่ายหญิงมาอยู่กินด้วยกันได้หรือไม่ ??? กรณีนี้หากเป็นการคบหากันในลักษณะเป็นแฟนกันยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส และได้มีการให้เงินหรือทรัพย์สินกันโดยผู้ให้เต็มใจให้ กรณีนี้ก็จะเป็นการให้โดยเสน่หา หากต่อมาเลิกกันก็ไม่สามารถเรียกเงินหรือทรัพย์สินคืนได้ เพราะการเลิกกันไม่ถือว่าเป็นเหตุประพฤติเนรคุณจึงไม่สามารถจะเรียกคืนได้

หากเป็นกรณีฝ่ายชายซึ่งมีคู่สมรสโดยจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว และได้ทำสัญญากับหญิงอื่นให้มาอยู่กินฉันสามีภรรยาและจะให้ค่าตอบแทนแก่หญิงเป็นเงินหรือทรัพย์สิน ต่อมาทะเลาะกันและได้เลิกรากันไป ฝ่ายชายจะเรียกเงินคืนจากฝ่ายหญิงไม่ได้และฝ่ายหญิงก็ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาก็ไม่ได้ เพราะสัญญาดังกล่าวขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีบังคับตามสัญญาไม่ได้ ทรัพย์สินเงินทองที่ฝ่ายชายมอบให้ฝ่ายหญิงในกรณีนี้เป็นกรณีไม่มีหนี้ตามกฎหมายที่ต้องชำระและฝ่ายหญิงก็ไม่มีสิทธิได้รับเช่นกันกรณีต้องบังคับในเรื่องลาภมิควรได้กล่าวคือหากฝ่ายชายจะเรียกคืนคงเรียกได้เท่าที่มีอยู่เท่านั้นหรือหากใช้ไปหมดแล้วก็ไม่สามารถที่จะเอาคืนได้

1.คำพิพากษาฎีกาที่ 3972/2529 จำเลยมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้ทำสัญญากับโจทก์ซึ่งก็ทราบว่าจำเลยมีภริยาอยู่แล้ว มีสาระสำคัญว่าโจทก์จำเลยยินยอมเป็นสามีภริยากันตั้งแต่วันทำสัญญาโดยจำเลยจะจ่ายเงินให้แก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท สัญญาดังกล่าวจึงมีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะ โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระเงินให้โจทก์ไม่ได้

2.คำพิพากษาฎีกา 1953 / 2537 โจทก์มีความสัมพันธ์กับจำเลยในฐานะผู้อยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสกันเท่านั้นการที่โจทก์และจำเลยทะเลาะกันและต่างคนต่างด่ากันเป็นเพราะโจทก์เป็นฝ่ายก่อและจำเลยด่าโต้ตอบเพราะถูกโจทก์ข่มเหงน้ำใจอย่างรุนแรงเช่น นี้โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงเพื่อเป็นเหตุเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณหาได้ไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา มาตรา 521 อันว่าให้นั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ให้ โอนทรัพย์สินของตนให้โดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้รับ และผู้รับยอมรับเอาทรัพย์สินนั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา มาตรา 150 การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นการพ้นวิสัยหรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา มาตรา มาตรา 531 อันผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้น ท่านว่าอาจจะเรียกได้แต่เพียงในกรณีดังจะกล่าวต่อไปนี้
(๑) ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาชญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายลักษณะอาชญา หรือ
(๒) ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง หรือ
(๓) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้

Facebook
Twitter
Email
WhatsApp