ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จักกับที่ดิน ส.ป.ก.ก่อนครับว่าหมายถึงอย่างไร ใครบ้างที่จะเป็นผู้มีสิทธิได้รับการจัดที่ดิน ส.ป.ก. ที่ดิน ส.ป.ก. หรือที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 คือที่ดินที่มีเอกสารแสดงการครอบครองที่ดินที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกให้กับประชาชนเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ผู้มีสิทธิได้รับการจัดที่ดิน ส.ป.ก. ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2532 ระบุ ผู้มีสิทธิได้รับการจัดที่ดิน ส.ป.ก. มีอยู่ 3 ประเภท คือ 1. เกษตรกร เป็นผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักอยู่แล้ว โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ในรอบปี เพื่อประกอบเกษตรกรรมแห่งท้องถิ่นนั้น 2. ผู้ประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก…

จำเลยตายในระหว่างการพิจารณา ระหว่างคดีแพ่งและคดีอาญาต่างกันหรือไม่ ???
คดีแพ่ง ถ้าจำเลยตายในระหว่างพิจารณาให้ศาลเลื่อนการนั่งพิจารณาออกไปจนกว่าทายาท หรือผู้จัดการทรัพย์มรดก หรือบุคคลที่ปกครองทรัพย์มรดกของผู้ตายจะได้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้ตาย โดยจะต้องเข้ามาภายใน 1 ปี นับแต่จำเลยตายคดีอาญา ถ้าจำเลยตายในระหว่างพิจารณา สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับให้ศาลจำหน่ายคดีออกจากสาระบบความกล่าวคือ ความผิดอาญาเป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้กระทำความผิดโดยแท้ ไม่ตกทอดไปยังทายาท ดังนั้น หากผู้กระทำความผิดตายไม่ว่าในชั้นใดระหว่างดำเนินคดี ย่อมทำให้สิทธิในการดำเนินคดีอาญาระงับไป และแม้ผู้กระทำความผิดอยู่ระหว่างได้รับโทษตามคำพิพากษา โทษตามคำพิพากษาย่อมเป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิดกล่าวโดยสรุป คดีอาญาโทษจะระงับไปด้วยความตายของจำเลย ส่วนคดีแพ่งจำเลยตาย ทายาทยังต้องรับผิดเพราะเป็นสิทธิหน้าที่ที่ตกทอดเป็นมรดกแต่รับผิดไม่เกินทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ดังต่อไปนี้(1) โดยความตายของผู้กระทำผิด…ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 38 โทษให้เป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในคดีที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลได้มรณะเสียก่อนศาลพิพากษาคดี ให้ศาลเลื่อนการนั่งพิจารณาไปจนกว่าทายาทของผู้มรณะหรือผู้จัดการทรัพย์มรดกของผู้มรณะ หรือบุคคลอื่นใดที่ปกครองทรัพย์มรดกไว้ จะได้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ โดยมีคำขอเข้ามาเอง หรือโดยที่ศาลหมายเรียกให้เข้ามา เนื่องจากคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีคำขอฝ่ายเดียว คำขอเช่นว่านี้จะต้องยื่นภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่คู่ความฝ่ายนั้นมรณะถ้าไม่มีคำขอของบุคคลดังกล่าวมาแล้ว หรือไม่มีคำขอของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งภายในเวลาที่กำหนดไว้…

ถูกข่มขืนในห้องพักในคอนโด “ เมื่อตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ ”ทำอะไรได้บ้าง
กรณีคนร้ายบุกเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในห้องของผู้เสียหายภายในคอนโดแห่งหนึ่ง และเมื่อผู้เสียหายแจ้งตำรวจ และเมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุภายใน 5 นาที แต่ถูก รปภ.ห้ามตำรวจไม่ให้ขึ้นไปห้องที่เกิดเหตุ มีคำถามว่า 1.รปภ.ทำได้หรือไม่2.ตำรวจทำอะไรได้บ้างLAWRAI มีคำตอบให้ครับตามหลักกฎหมายในการเข้าค้นในที่รโหฐานจะต้องมีหมายค้นหรือคำสั่งของศาล เว้นแต่มีเหตุอื่นตามกฎหมายแม้ไม่มีหมายค้นหรือคำสั่งของศาลก็เข้าไปในที่รโหฐานได้ นอกจากนี้ตำรวจที่มีหมายค้นหรือที่ต้องเข้าไปในที่รโหฐานตามเหตุอื่นตามกฎหมายสามารถที่จะสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่รโหฐานให้ความสะดวกตามสมควรในการเข้าไปตรวจค้นได้ หากเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่กระทำตามหรือขัดขวางก็จะมีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานหรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากหลักกฎหมายข้างต้น กรณีมีการแจ้งเหตุว่ามีคนร้ายข่มขืนหญิงในห้องภายในคอนโดซึ่งถือว่าเป็นที่รโหฐานและมีการแจ้งภายในทันทีที่เกิดเหตุถือได้ว่าเป็นเหตุอื่นตามกฎหมายที่ไม่สามารถไปขอหมายค้นได้ทัน ตำรวจสามารถเข้าตรวจค้นได้ และสามารถสั่งให้ รปภ.อำนวยความสะดวกโดยให้เปิดเข้าไปในคอนโดเพื่อไปยังห้องที่เกิดเหตุได้ กรณีตามข่าวที่ รปภ.ไม่ให้ตำรวจขึ้นไปยังห้องที่เกิดเหตุนั้นอาจจะเข้าข่ายกรณีฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานและขัดขียการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานได้ สรุป 1.รปภ.ไม่สามารถที่จะห้ามตำรวจเข้าไปตรวจค้นยังห้องที่เกิดเหตุได้ หากขัดขวางจะเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย 2.ตำรวจสามารถเข้าตรวจค้นได้โดยไม่ต้องขออนุญาต รปภ.และไม่ต้องมีหมายค้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 92 ห้ามมิให้ ค้นในที่รโหฐาน โดยไม่มี หมายค้น หรือ คำสั่งของศาล เว้นแต่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือ ตำรวจเป็นผู้ค้น และ ในกรณีดังต่อไปนี้(๑) เมื่อ…

จับกลางรายการโหนกระแส จับชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ???
การจับ ตามหลักกฎหมายการจะจับผู้ใดต้องมีหมายจับ หรือคำสั่งของศาล เว้นแต่จะมีเหตุที่ไม่ต้องมีหมายจับ เช่นความผิดที่เห็นกำลังกระทำหรือที่เรียกว่าความผิดซึ่งหน้ากรณีนี้ไม่ต้องมีหมายจับก็จับได้ กรณีคุณนายดาวมีหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อมีหมายจับของศาลแล้วเจ้าพนักงานตำรวจก็สามารถจับกุมตัวได้ ไม่ว่าผู้ต้องหาจะอยู่ ณ สถานที่ใดในราชอาณาจักรเมื่อคุณนายดาวมาปรากฏตัวและเป็นบุคคลตามหมายจับจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จับกุมได้โดยถูกต้องตามกฎหมายเมื่อคุณนายดาวมาออกรายการโหนกระแสทางช่องสาม และมีหมายจับของศาลจังหวัดนครศรศรีธรรมราช เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจตรวจสอบแล้ว พบว่าคุณนายดาวเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ และจาการตรวจสอบเป็นบุคคลตามหมายจับจริงก็สามารถจับกุมได้ และจากภาพข่าวการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมก็ได้แสดงหมายจับโดยเปิดเผยต่อหน้าคุณนายดาวผู้ถูกจับ และแจ้งสิทธิต่างๆ ตามกฎหมายให้ผู้ถูกจับทราบแล้ว จึงเป็นการจับที่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีกลับกัน หากเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าคุณนายดาวมีหมายจับและปรากฏตัวต่อหน้าหากไม่จับเจ้าพนักงานตำรวจก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 78 พนักงานฝ่ายปกครอง หรือ ตำรวจ จะจับผู้ใด โดยไม่มีหมายจับ หรือ คำสั่งของศาลนั้น ไม่ได้ เว้นแต่(๑) เมื่อ บุคคลนั้น ได้กระทำความผิดซึ่งหน้า ดังได้บัญญัติไว้ใน มาตรา ๘๐(๒) เมื่อ พบบุคคล…

ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาระหว่างสมณเพศ /สึกแล้ว/ จะตกเป็นของใคร ???
สำหรับพระมหาไพรวัลย์ เรียกได้ว่า คนจะดังไม่ว่าจะเป็นพระ หรือเป็นฆรวาส ทำอะไรก็เป็นกระแสสังคมไปหมด แม้แต่ท่านจะสึกก็ยังไม่วายที่มีกระแส ข่าวว่า ท่านบวช ๑๘ พรรษา มีเงินมากถึง ๓๑๘ ล้านบาท ถ้าเป็นจริง คงจะมีคนไปบวชอีกเยอะครับ จากข่าวดังกล่าว ในโลกโซเซียลว่า มีคำถามว่า เงินหรือทรัพย์สิน ที่ท่านได้มาระหว่างเป็นสมณเพศนั้น เมื่อท่านสึกแล้ว เงินหรือทรัพย์สินที่ได้มานั้น จะตกเป็นของใครLAWRAI มีคำตอบครับ แต่ก่อนจำตอบคำถามดังกล่าว ขอทำความเข้าใจ ในเรื่องทรัพย์สินของพระในเรื่องอื่นด้วย ดังนี้ 1. ทรัพย์สินที่มีก่อนบวช ในกรณีนี้ จะตกเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุ ซึ่งหากมรณภาพ ก็จะตกทอดเป็นมรดกแก่ทายาทต่อไป 2. ทรัพย์สินที่มี หรือได้มาในระหว่างอยู่ในสมณเพศ ไม่ว่าจะได้มาจากญาติโยมศรัทธาถวายเงินทองให้ก็ตาม ในกรณีนี้ ก็จะเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุ…

ขับรถตกคลอง ขับรถตกท่อกลางจนได้รับความเสียหายในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินใครต้องรับผิดชอบ ???
การละเว้นการกระทำที่จะเป็นละเมิดนั้นต้องเป็นการละเว้นการกระทำในเมื่อมีหน้าที่ต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นจึงจะถือได้ว่าเป็นการกระทำอันจะเป็นละเมิด หน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลบำรุงรักษาหากงดเว้นไม่ได้บำรุงรักษาหากเกิดความเสียหายต่อผู้เสียหายต้องรับผิดชดใช้ความเสียหาย เช่น ขับรถตกหลุมบนถนนหลวงยางรถแตก ได้ความเสียหาย หากข้อเท็จจริงปรากฏว่ากรมทางหลวงที่มีหน้าที่ดูแลบำรุงรักษาแต่ไม่ดูแลหรือดูแลไม่ดีก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย กรณีที่เป็นข่าว มีคนขับรถตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาจนเสียชีวิตนั้น โดยจุดที่เกิดเหตุเป็นทางกลับรถใต้สะพานติดแม่น้ำแต่ไม่มีทางกั้นและไม่มีเครื่องหมายบ่งบอกหรือเตือนว่าเป็นทางที่มุ่งลงสู่แม่น้ำจนมีผู้ขับรถตกลงไปในแม่น้ำและเสียชีวิต กรณีนี้อาจเป็นเรื่องละเมิดได้โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลซ่อมแซมก่อสร้างบำรุงถนนหนทาง ละเว้นไม่กระทำการป้องกันบำรุงซ่อมแซมถนนหนทาง ไม่จัดให้มีสิ่งกีดกั้นจนเป็นเหตุให้มีผู้ขับรถตกลงไปและเสียชีวิตจึงเป็นละเมิดได้ 1.คำพิพากษาฎีกา 1975/2528 กรมทางหลวงจำเลยที่ 2 มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมแซมก่อสร้าง บำรุงรักษา ถนนที่เกิดเหตุ ย่อมมีหน้าที่ควบคุมจัดให้ มีเครื่องหมายและสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้างซ่อมแซมถนน แม้จะจัดให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างดำเนินการก่อสร้างซ่อมแซม ก็ต้อง ควบคุมให้บริษัทรับเหมาติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณจราจรขึ้น ให้ถูกต้องถ้ามิได้ติดตั้งให้ถูกต้องแล้วเกิดความเสียหาย จำเลยที่ 2 ย่อม จะต้องรับผิดต่อผู้เสียหายด้วย 2.ฎีกาที่ 2600/2538 การละเว้นการกระทำจะเป็นละเมิดต่อเมื่อเป็นการละเว้นการกระทำในเมื่อมีหน้าที่ต้องกระทำเพื่อป้องกันผล และความเสียหายเป็นผลโดยตรงจากการละเว้นดังกล่าว การที่จำเลยที่ 2 ละเว้นไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการเงินโดยไม่จัดให้มีเจ้าหน้าที่รับจ่ายเงิน เป็นผลให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นทหารการเงินเบียดบังเอาเงินของโจทก์ไป การกระทำของจำเลยที่…

ฟ้องคดีเช็คเป็นคดีอาญา ต่อมาทำสัญญาประนีประนอมยอมความในทางแพ่งคดีอาญาจะระงับหรือไม่ ???
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค หรือที่เข้าใจกันเป็นภาษาชาวบ้านว่าออกเช็คไม่มีเงิน หรือเช็คเด้งนั้น เป็นความผิดอาญามีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับหากต่อมามีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลมีคำพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด ผลของการทำสัญญาประนีประนอมทำให้สิทธิเรียกร้องตามมูลหนี้เดิมระงับไป มาผูกพันกันตามสัญญาประนีประนอม หากต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จะกลับไปเรียกร้องให้จำเลยรับผิดตามมูลหนี้เดิมตามเช็คอีกไม่ได้ และทำให้คดีเช็คที่มีโทษทางอาญาระงับไปด้วยเพราะมูลหนี้เดิมระงับไปแล้ว มีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และคำพิพากษาฎีกาดังนี้ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา 4 ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยมีลักษณะหรือมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้(๑) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น(๒) ในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้(๓) ให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น(๔) ถอนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็คจนจำนวนเงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้(๕) ห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริต เมื่อได้มีการยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น ผู้ออกเช็คมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ มาตรา 7 ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๔ ได้ใช้เงินตามเช็คแก่ผู้ทรงเช็คหรือแก่ธนาคารภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ออกเช็คได้รับหนังสือบอกกล่าวจากผู้ทรงเช็คว่าธนาคารไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น หรือหนี้ที่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๔ ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คำพิพากษาฎีกาที่ 482/2563 โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชดใช้เงินตามมูลหนี้ตามเช็คพิพาทและ ศาลมีคำพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด…

(นวดคลึงอวัยวะเพศชาย) แต่บอกว่าเป็นการ นวด (กษัย) ได้หรือไม่ ?
กรณีที่เป็นข่าวรับนวดกษัยเพื่อให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี แต่กลับใช้ช่องทางตรงนี้ในการให้บริการในลักษณะที่ไม่สมควรในทางเพศ โดยแทนที่จะนวดกษัย กลับกลายเป็นนวดกระปู๋(นวดคลึงอวัยวะเพศชาย)แทน ในลักษณะโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์เพื่อให้มีลูกค้ามาใช้บริการและเรียกเก็บค่าบริการที่แพงขึ้น มีความผิดหรือไม่อย่างไร ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏออกมาในข่าวที่มีหญิงสาวคนหนึ่งอ้างว่านวดกษัยเพื่อบำบัดให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้นและเป็นการรักษาโรคภัยอย่างหนึ่งนั้น แต่ตามภาพที่ปรากฏเป็นกระแสข่าวเป็นการนวดกระปู๋ (นวดคลึงตรงบริเวณอวัยวะเพศชาย) และมีการแชร์ภาพคลิปออกไปเพื่อโฆษณาในการหาลูกค้าให้มาใช้บริการ โดยมีหลายราคาตามเกณฑ์ที่หญิงดังกล่าวกำหนดนั้น การนวดกษัยหรือนวดผ่อนคลาย ซึ่งแล้วแต่จะเรียกชื่อกันนั้น หากเป็นการสมัครใจของผู้รับบริการแล้วผู้ให้บริการก็ไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจาร แต่หากลูกค้า(ผู้ที่ไปใช้บริการนวดกษัยหรือนวดผ่อนคลาย)ไม่ต้องการหรือไม่ยินยอมให้หมอนวดจับอวัยวะเพศ หากหมอนวดจับอวัยวะเพศและนวดคลึงก็จะเป็นความผิดทางอาญาฐานกระทำอนาจารได้ และหากมีการโพสต์ลงในระบบคอมพิวเตอร์ผ่านอินเตอร์เน็ตซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ และมีภาพลักษณะเป็นการกระทำลามกอนาจารก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อีกด้วย คำว่ากระทำอนาจาร คือการกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศนั่นเอง ซึ่งจากกรณีที่มีคลิปวีดีโอเป็นข่าวออกมาว่ามีหญิงสาวหมอนวดได้โพสต์ภาพคลิปวีดีโอที่กำลังนวดอวัยวะเพศชายโดยอ้างว่าเป็นการนวดกษัยเพื่อสุขภาพของท่านชายลงในระบบคอมพิวเตอร์การกระทำดังกล่าวอาจส่อแสดงไปในทางนำสื่อภาพอันลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้ แต่ไม่เป็นความผิดฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญาเพราะเป็นการยินยอมของฝ่ายชายซึ่งเป็นลูกค้าที่มาใช้บริการ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และคำพิพากษาศาลฎีกาที่เทียบเคียง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่…

EP 2 การสู้คดีของ บาสมีดคู่ การอ้างป้องกันสมควรแก่เหตุได้หรือไม่ ?
กรณี บาสมีดคู่ นอกจากจะเกิดกระแสดราม่าเห็นใจ บาสมีดคู่ สมน้ำหน้า ๖ โจ๋ แล้วยังเกิดประเด็นถกเถียงกัน ในหมู่นักกฎหมายว่า “กรณีของ บาสมีดคู่ ในแนวทางการต่อสู้คดี จะอ้างป้องกันโดยสมควรแก่เหตุ ได้หรือไม่ ถ้าหากอ้างไม่ได้ ผลคดีจะเป็นอย่างไร” เพราะการต่อสู้คดี หากศาลฟังได้ว่า “เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุได้ จะให้การกระทำของ บาสมีดคู่ ไม่มีความผิด แต่ถ้าฟังไม่ได้ว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุแล้ว อาจต้องรับผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา และอาจจะถึงขั้นเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อนได้ ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ข้อเท็จจริงตามภาพข่าว ที่ทำให้นักกฎหมายมีความเห็นที่ต่างๆกัน ก็คือ “ในช่วงที่ 6 โจ๋มายื่นตะโกนเรียก บาสมีดคู่ ให้อออกจากบ้าน แล้ว บาสมีดคู่ วิ่งออกจากบ้าน พร้อมมีดคู่ที่มีผ้ามัดติดกับมือ เข้าลุยกับ…

กรณี 6 โจ๋ พวกเยอะอย่านึกว่าแน่ !!
เป็นข่าวครึกโครมและสะเทือนขวัญอย่างยิ่งกรณี 6 โจ๋ บุกไปบ้านคู่อริและถูกคู่อริแทงตาย 2 ศพ สาหัส 1 คน จากกรณีดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองนี้ไม่มีขื่อไม่มีแป อยู่ในบ้านของตนเองแท้ๆ ยังไม่ปลอดภัย สมควรที่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองควรจะคิดหาวิธีป้องกันและป้องปรามไม่ให้เกิดขึ้นอีกจากกรณีนี้มีคำถามและมีข้อสงสัยว่าการกระทำที่เกิดขึ้นแต่ละฝ่ายเกี่ยวข้องกับกฎหมายในเรื่องใดบ้าง การที่โจ๋จำนวน 6 คน ไปที่หน้าบ้านของคู่อริและมีการตะโกนเรียกให้คู่อริออกมาจากบ้านจะด้วยสาเหตุให้ออกมาเพื่อเคลียร์ปัญหาหรือออกมาเพื่อท้าตีท้าต่อยรวมทั้งการที่ขว้างปาสิ่งของเข้าไปในบ้านของคู่อริดังกล่าวถือว่าการกระทำดังกล่าวนอกจากจะเป็นเป็นการข่มขู่ทำให้เกิดความกลัวโดยใช้กำลังประทุษร้ายแล้วยังเป็นการ ข่มเหงอย่างแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และการขว้างปาสิ่งของเข้าไปในบ้านถือเป็นการรบกวนการครอบครองโดยปกติสุขของเจ้าของบ้านเป็นการกระทำความผิดฐานบุกรุกและการที่ไปด่าทอและเรียกให้คู่กรณีออกมาถือว่ามีเจตนาจงใจที่จะสมัครใจทะเลาะวิวาท จะเห็นได้ว่าการกระทำของฝ่ายโจ๋ทั้ง 6 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทหรือที่เข้าใจกันง่ายๆ ว่าการกระทำครั้งเดียวผิดกฎหมายหลายเรื่องซึ่งโดยหลักต้องลงโทษจำคุกในมาตราที่มีโทษหนักที่สุด สรุป 6 โจ๋ น่าจะโดนข้อกล่าวหา ร่วมกันข่มขู่ให้ตกใจกลัว, ร่วมกันบุกรุก,ร่วมกันทำร้ายร่างกายส่วนคู่อริคู่อริที่อยู่ในบ้านนั้นหากข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติตามเนื้อข่าวว่าได้ใช้ผ้ามัดมีดผูกติดกับมือวิ่งออกมาจากบ้านและเข้าทำร้ายกลุ่มโจ๋ 6 คน ตาย 2 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน การที่วิ่งออกไปดังกล่าวเป็นการสมัครใจเข้าทะเลาะวิวาทและการใช้มีดทำร้ายผู้ตายและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ แม้จะไม่ได้เจาะจงว่าผู้ถูกทำร้ายที่ถึงแก่ความตายจะเป็นผู้หนึ่งผู้ใดใน…